งานเข้า-กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินคดีหนังสือฟ้าเดียวกันข้อหาไม่จดแจ้งการพิมพ์ตามกฎหมาย และจะดำเนินคดีหมิ่นฯด้วย ขณะที่เจ้าของหนังสือกล่าวขอบคุณที่เป็นธุระโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ โดยจะผลิตและจำหน่ายตามปกติ และน่าจะขายดีขึ้นจากข่าวนี้
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
เวบไซต์เนชั่น รายงานข่าวว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ( วธ.) เปิดเผยว่า ได้รับทราบการรายงานผลการประชุมปรึกษาหารือการจดแจ้งการพิมพ์ของวารสาร ฟ้าเดียวกัน ซึ่งเป็นวารสารที่วิพากษ์วิจารณ์การเมือง จากสำนักหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบาย วธ. ในการดำเนินการกับวารสาร สิ่งพิมพ์ ที่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550
โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้แจ้งความไปยังกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (ฝ่ายสิ่งพิมพ์) ให้ดำเนินการกับวารสารดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการจดแจ้งการพิมพ์ตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ได้ยื่นขอให้ตรวจสอบเนื้อหาในวารสารที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงด้วย อย่างไรก็ตามตนได้รายงานกรณีดังกล่าวนี้ทางวาจาไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พร้อมกันนี้ผมได้สั่งการให้ ผอ.สำนักหอสมุดแห่งชาติ และผอ.สำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศในฐานะเจ้าพนักงานตามพ.ร.บ.การพิมพ์ ไปตรวจสอบสิ่งพิมพ์ทุกชนิดในทุกจังหวัด ที่ยังไม่ได้ยื่นจดทะเบียนตามกฎหมายให้ไปดำเนินการให้เรียบร้อย หรือแม้แต่ในกรณีที่มีการจดแจ้งการพิมพ์แล้วก็จะต้องตรวจสอบเนื้อหาและภาพในสิ่งพิมพ์ต่างๆ ด้วย โดยต้องไม่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือจาบจ้วงสถาบัน และหากพบจะถือเป็นความผิดอาญาให้ดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ทั้งนี้ในเบื้องต้นผมได้รับรายงานว่ามีสื่อสิ่งพิมพ์จำนวนมากที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้อง ซึ่งภายหลังจากมีการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ทางสำนักหอสมุดแห่งชาติจะได้รายงานจำนวนที่แน่นอนมาให้ผมรับทราบต่อไป” รมว.วธ. กล่าว
บก. ฟ้าเดียวกันหัวเราะร่า ขอบคุณผอ. สำนักหอสมุดแห่งชาติช่วยโฆษณา “ฟ้าเดียวกัน”
เวบไซต์ประชาไท รายงานว่า นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณานิตยสารฟ้าเดียวกัน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับประชาไท ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ขอขอบคุณที่ช่วยโฆษณาให้เรา” พร้อมระบุว่าการแจ้งความดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขายและการผลิตวารสารฟ้าเดียวกันแต่อย่างใด
“ที่ผ่านมา ร้านหนังสือใหญ่ๆ คือ นายอินทร์ ศูนย์หนังสือจุฬา B2s และ ซีเอ็ด เขาก็ไม่ขายหนังสือเราอยู่แล้ว ก็ไม่มีผลอะไร พื้นฐานเลยคือเรื่องของเสรีภาพในการพิมพ์ ไม่ได้อยู่ที่กฎระเบียบ และคนอ่านก็อ่านเนื้อหา ไม่ได้อ่านว่าเราจดทะเบียนหรือไม่”
ส่วนกรณีที่วารสารดังกล่าวไม่จดทะเบียนการพิมพ์ ตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 นั้น นายธนาพลอธิบายว่า เป็นความจงใจของเขาเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการมีพระราชบัญญัติดังกล่าว
“เราจงใจไม่จด เพราะเราคิดว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการโฆษณา เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรับรองอยู่แล้ว และพระราชบัญญัติที่ออกมานั้นงี่เง่า” นายธนาพลกล่าวว่า เขาเชื่อว่าคดีดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องการเมือง เนื่องจากยังมีวารสารและสิ่งพิมพ์จำนวนมากที่ไม่จดทะเบียนตาม พรบ. จดแจ้งการพิมพ์แต่ไม่ถูกดำเนินการใดๆ โดยเขายืนยันว่าเขาจะยังดำเนินการผลิตวารสารดังกล่าวต่อไป พร้อมชี้แจงถึงกรณีวารสาร “ฟ้าเดียวกัน” ออกวางจำหน่ายล่าช้าไปถึง 2 ไตรมาสว่าเป็นปัญหาในกระบวนการผลิต ไม่ใช่ปัญหาการเมืองแต่อย่างใด
“สำหรับเล่มถัดไปก็จะออกไปตรงตามเวลา คิดว่าฉบับหน้าจะออกมาวางจำหน่ายภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้อย่างแน่นอน” นายธนาพลกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เมื่อถามว่า นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้แจ้งความไปยังกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (ฝ่ายสิ่งพิมพ์ขอให้ตรวจสอบเนื้อหาในวารสารที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ด้วยนั้น นายธนาพลกล่าวว่า เรื่องไหนที่คิดว่าเข้าข่ายหมิ่นก็ขอให้ฟ้องเป็นเรื่องๆ ไป
สำหรับวารสารฟ้าเดียวกัน เป็นวารสารราย 3 เดือน ขณะนี้ได้ดำเนินการพิมพ์และเผยแพร่มาเป็นปีที่ 8 ฉบับล่าสุด คือฉบับปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มกราคม-กันยายน 2553 “ประวัติศาสตร์ไทย ใต้ร่มพระบารมี”
สมยศร้ององค์กรสิทธิ-องค์กรสื่อประณามรัฐเผด็จการอันธพาลปิดแท่นพิมพ์RED POWER
ขณะเดียวกันนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำเสื้อแดง และเจ้าของนิตยสารRED POWER ได้จัดแถลงข่าว ประณามพฤติกรรมอันธพาลการเมืองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ กรณีสั่งปิดโรงพิมพ์ และสายส่งของนิตยสาร RED POWER และได้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห้งชาติ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ องค์การสื่อไร้พรมแดน ให้ร่วมกันประณามพฤติกรรมอันธพาล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ใช้อำนาจพรก.ฉุกเฉิน โดยนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นำตำรวจกว่า 100 นายเข้าตรวจค้นบริษัทโกลเด้น เพาเวอร์ ซึ่งเป็นโรงพิมพ์รับจ้างพิมพ์นิตยสารRed Power โดยมีนางปัทมา วงเวียน เป็นกรรมการผู้จัดการ สั่งอายัดเครื่องพิมพ์ 11 เครื่อง ต่อมาได้ให้อุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรีแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมดำเนินคดีในข้อหาผิดพรบ.โรงงาน ในเวลาเดียวกันใช้กำลังตำรวจอีก 100 นายบุกเข้าตรวจค้นบริษัทเค เค พับลิชชิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายนิตยสารRed Power สั่งให้ยุติการจัดจำหน่ายและสั่งปรับเป็นเงิน 10,000 บาทเมื่อวันที่ 9กันยายน 2553 ที่ผ่านมา
การกระทำดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับธุรกิจของบริษัทโกลเด้นเพาเวอร์ และบริษัทเค เค พับลิชชิ่งเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากทั้งสองบริษัทไมได้รับจ้างแต่เฉพาะนิตยสารRed Powerเท่านั้น แต่รับจ้างผลิตสื่งสิ่งตีพิมพ์ทุกชนิด
การกระทำของรัฐบาลจึงเป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาลการเมือง ใช้อำนาจพรก.ฉุกเฉินเสมือนหนึ่งนักเลงโต แสดงอำนาจบาตรใหญ่ เกะกะ ระราน คุกคาม ทำร้าย ผู้อื่น สร้างความหวาดผวาให้เกิดขึ้นกับสุจริตชนทั่วไป เพียงเพราะเหตุที่บุคคลต่างๆเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับนิตยสาร Red Power
ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่า การใช้พรก.ฉุกเฉินของรัฐบาลเป็นไปเพื่อ คุกคามเสรีภาพประชาชน ปราบปรามการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบของประชาชน
การกระทำของรัฐบาลเป็นการกระทำของพวกมือถือสาก ปากถือศีล ในขณะที่เสนอแนวการปรองดองแต่กลับใช้พรก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่คุกคามจนเกินไป ทำให้สังคมไทยตกอยู่ในสภาพน่าสะพึงกลัว หวาดผวา เป็นรัฐบาลเผด็จการทรราชย์ที่แอบอ้างตนเองมาจากเลือกตั้งอย่างน่าเกลียด นำสังคมไทยไปสู่ความรุนแรงต่อไปโดยไม่สามารถสร้างความสงบสุขปรองดองขึ้นมาได้
Red Power จะดำเนินการผลิตต่อไป แม้ต้องพบกับการปราบปรามจากรัฐบาล โดยจะย้ายสำนักง่านไปตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำการผลิตและจำหน่ายจากเชียงใหม่ รวมทั้งจะระดมทุนขยายงานของ Red Power เป็นรายสัปดาห์ จัดจำหน่ายตรงถึงผู้อ่านทุกจังหวัด
นอกจากนี้จะได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สมาคมนักหนังสือพิมพ์ องค์การสื่อไร้พรมแดน ขอเรียกร้องต่อสื่อมวลชนทุกแขนง องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ร่วมกันประณามพฤติกรรมอันธพาลของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปกป้องสิทธิ เสรีภาพ ของสื่อมวลชน หากปล่อยให้รัฐบาลกระทำตนเป็นอันธพาลต่อไปจะนำมาสู่กลียุคและความรุนแรงไม่มีที่สิ้นสุด